โครงร่างการวิจัยเพื่อการออกแบบนิเทศศิลป์
วิชาการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการออกแบบ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ชื่อหัวข้อ : การออกแบบนิยายภาพ เรื่อง เจ้าหงิญ
ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
ข้อมูลผู้วิจัย
ชื่อ : นาย ไววิทย์
บุญพัฒน์ นิสิตชั้นปีที่ : 3
สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
1.1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา
นวนิยาย
เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง เช่นเดียวกับศิลปะอื่นๆที่มีคุณค่า พัฒนาความคิด จินตนาการ
และจิตใจของมนุษย์
แต่ทว่าในการเข้าถึงศิลปะแขนงนี้ไม่เหมือนดังเช่นทัศนศิลป์ที่ใช้การมองเห็น
หรือดุรางค์ศิลป์ที่ใช้การฟัง นวนิยายจะต้องใช้การอ่านในการเข้าถึง ผู้อ่านนอกจากจะต้องเป็นผู้ที่อ่านหนังสือได้แล้ว
จะต้องเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการอ่านระดับหนึ่งด้วย ซึ่งนั่นต้องอาศัยการศึกษา
และการฝึกฝน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ การเข้าถึงจึงอยู่ในกลุ่มคนที่จำกัด
ในขณะเดียวกัน ทัศนศิลป์ หรือศิลปะที่มองเห็นได้ สามารถเข้าถึงบุคคลเท่าไปได้ง่ายกว่า
สื่อสารข้อมูลได้รวบรัดกว่า จึงมีการใช้ภาพประกอบ(Ilustration) ร่วมกับเนื้อเรื่องนวนิยาย
แต่ภาพประกอบยังคงเป็นแค่เครื่องมือประกอบเนื้อเรื่อง เป็นเพียงจุดพักสายตา
หรือเพื่อจุดภาพจินตนาการของผู้อ่านเท่านั้น
ยังไม่ใช่การรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของภาพและตัวอักษร
รวมเรื่องสั้น เจ้าหงิญ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 26 |
เรื่องสั้นเรื่อง สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ ภาพประกอบโดย ชัยพร พานิชรุทติวงศ์ |
รวมเรื่องสั้น
เจ้าหงิญ ของบินหลา สันกาลาคีรี
เป็นเรื่องสั้นรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ ซีไรต์ ประจำปี
2548
ผู้เขียนใช้การเล่าเรื่องแบบนิทานที่หยิบเอาประเด็นทางสังคมในปัจจุบันใช้การเล่าเรื่องแบบนิทานได้อย่างน่าสนใจ
หนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้นทั้งหมด 8 เรื่อง ได้แก่
ชายเดียวดายแห่งภูเขาภาคเหนือ, แดฟโฟดิลแดนไกล,
เจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่สี่, เก้าอี้ดนตรี, สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ,
นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่, ‘ลูกหาม’ กับสามสหาย, และ ‘โลก’ ของเจ้าหญิงนกบินหลายกับเจ้าชายนกบินหา
เรื่องที่น่าสนใจที่สุดเรื่องหนึ่งคือเรื่อง
สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ ซึ่งมีตัวละครคือเจ้าหญิงที่เอาแต่ใจ
ซึ่งอาจเป็นที่มาของรวมเรื่องสั้นชุดนี้
แทนที่จะมีชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบดังเช่นเจ้าหญิงในเทพนิยายอื่นๆ
เจ้าหญิงในเรื่องนี้กลับอยู่ในสถานะครอบครัวแตกแยก พระราชาและพระราชินีหย่าร้างกัน
เจ้าหญิงจึงต้องประทับที่วังพระราชาครึ่งวัน ส่วนอีกครึ่งวันประทับที่วังพระราชินี
ทั้งพระราชาและพระราชินีต่างพยายามเอาใจลูกทุกวิถีทางเพราะมีโอกาสได้อยุ่กับลูกเพียงแค่ครึ่งวัน
ต่าง
พยายามทำให้เจ้าหญิงประทับที่วังตัวเองนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เจ้าหญิงจึงเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ อยากได้สิ่งใดจะต้องได้สิ่งนั้น
ซึ่งไม่เหนือบ่ากว่าแรงของพระราชาและพระราชินีที่จะสรรหาทุกสิ่งทุกอย่างมาให้ลูกน้อย
จนกระทั่งเจ้าหญิงมีประสงค์อยากได้รุ้งกินน้ำ
ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนืออำนาจของทั้งพระราชาและพระราชินี ความอลหม่านในวังจึงเกิดขึ้น
รวมเรื่องสั้น เจ้าหงิญ ของบินหลา สันกาลาคีรี
นำโลกของจินตนาการมาผสานกับโลกของความเป็นจริงโดยใช้รูปแบบนิทานเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ประสบการณ์ทางอารมณ์
การเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค การแสวงหาความหมายและความสุขของชีวิต แต่ด้วยความเขลา
มนุษย์จึงต้องดิ้นรนและหลงอยู่ในมายา ในที่สุด
ผู้อ่านจะรับรู้ได้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น
โลกมีหลายทางเลือกที่จะไปสู่ชีวิตที่เรียบง่ายและพอดี
(คำประกาศของคณะกรรมการการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน
(ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปีพุทธศักราช 2548)
เรื่องสั้นชุดนี้นอกจากจะได้ข้อคิดหลัก
นั่นคือโลกมายาที่สวยงามอย่างในนิทานมิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ในโลกแห่งความจริง
แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลที่จะมองแล้ว
ยังจะได้ข้อคิดย่อยๆที่ได้จากเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง
ซึ่งผู้เขียนได้ผูกเนื้อเรื่องเหล่านี้ให้อยู่ในรูปแบบของนิทานได้อย่างมีชั้นเชิง
หากอ่านรวมเรื่องสั้นทั้งชุด จะก่อให้เกิดคำถามในใจผู้อ่าน
ซึ่งนี่เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของงานศิลปะที่มีคุณค่าในการจรรโลงจิตใจมนุษย์
“เจ้าหญิง”
ที่เพียบพร้อมเช่นนั้นหาไม่ได้ในชีวิตจริง คงมีแต่ในโลกนิทานหรือในจินตนาการเท่านั้น
เพราะในชีวิตจริง เราต้องเผชิญหน้ากับสังคมที่เปลี่ยนไป
ปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นปัญหาครอบครัวแตกแยก ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด
ปัญหาศีลธรรมเสื่อมโทรม และอีกมากมายหลายปัญหารุมเร้าเข้ามาจนทำให้ “เจ้าหญิง”
องค์น้อยๆ ต้องกลายเป็น “เจ้าหงิญ” ไป
(อิงอร สุพันธุ์วณิช, 2548: 193)
ด้วยสถิติการอ่านหนังสือที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำของคนไทยในปัจจุบัน
จะด้วยโครงสร้างการศึกษา
หรือนิสัยของคนไทยที่ไม่เคยได้รับการปลูกฝังด้านการอ่านอย่างเพียงพอ
ทำให้มีคนจำนวนน้อยที่จะเข้าถึงเรื่องสั้นชุดนี้ หรือแม้แต่วรรณกรรมเรื่องอื่นๆ
การแก้ปัญหาคือการทำให้ผู้อ่านจำนวนนี้เพลิดเพลินไปกับข้อมูลตัวอักษรให้ได้
ด้วยการออกแบบให้อยู่ในรูปแบบ “นิยายภาพ” หรือที่เรียกกันว่า “การ์ตูนคอมิคส์”(Comics) “หนังสือการ์ตูน คือหนังสือที่มีภาพและคำพูดประกอบ
บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ตามเนื้อเรื่องที่เขียนขึ้น มีทั้งที่อ้างอิงจากความจริง และเกิดจากความคิดของนักวาดการ์ตูน
หรือนักแต่งการ์ตูน เป็นผู้วางเอาไว้ สำหรับการ์ตูนญี่ปุ่นอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
มังงะ”(วิกิพีเดีย,ค้นหาเมื่อ 16 ธ.ค. 2555)
ด้วยการทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้ผู้ที่จะเข้าถึงวรรณกรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นแล้ว
การได้เห็นเนื้อเรื่องในรูปแบบการ์ตูนอาจทำให้ผู้อ่านกลุ่มดังกล่าวอยากที่จะอ่านต้นฉบับที่อยู่ในรูปแบบนิยายเรื่องสั้น
อันจะเป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านในประเทศไทย
1.2
วัตถุประสงค์
1.2.1
เพื่อศึกษาวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
1.2.2
เพื่อศึกษาวิธีการออกแบบนิยายภาพ
1.2.3 เพื่อออกแบบนิยายภาพเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน
สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
1.3
ขอบเขตการศึกษา
ศึกษาวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเรื่อง
เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ ออกแบบลักษณะตัวละครแต่ละตัว
เพื่อที่จะนำมาออกแบบนิยายภาพ
ที่สามารถตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-20 ปี
ที่ไม่ชอบอ่านหนังสือที่มีตัวอักษรเป็นหลัก ในรูปแบบนิยายภาพ
1.4 วิธีการดำเนินงาน
1.4.1
เพื่อตอบวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 ประเด็นการศึกษาวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเรื่อง
เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
(1) อ่านรวมเรื่องสั้น เรื่อง เจ้าหงิญ
เพื่อให้ทราบถึงเนื้อเรื่อง
(2) รวบรวมบทวิเคราะห์วรรณกรรมเรื่องดังกล่าว
เพื่อใช้ในการตีความหมายของเรื่อง
(3) สรุป สังเคราะห์
วิเคราะห์ให้เห็นถึงความหมายและข้อคิดของวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน
สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
1.4.2 เพื่อตอบวัตถุประสงค์ข้อที่ 1
ประเด็นการศึกษาวิธีการออกแบบนิยายภาพ
(1) การศึกษาเอกสาร สื่อออนไลน์
เพื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องการออกแบบนิยายภาพ
(2) การรวบรวมผลงาน นิยายภาพ
เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบนิยายภาพ
(3) การสรุป สังเคราะห์
วิเคราะห์ให้เห็นถึงวิธีการออกแบบนิยายภาพ
1.4.3 เพื่อตอบวัตถุประสงค์ข้อที่ 3
ประเด็นการออกแบบนิยายภาพเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
(1)
นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวิธีการออกแบบนิยายภาพมาใช้ในการออกแบบนิยายภาพเรื่อง
เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
(2)
นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน
สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ มาใช้ในการออกแบบนิยายภาพเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน
สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
(3) การสรุปผลการศึกษา
และทำการออกแบบนิยายภาพเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
รวมเรื่องสั้น
เรื่อง เจ้าหงิญ เป็นวรรณกรรมที่มีคุณค่าต่อสังคม
ผู้ที่ได้อ่านวรรณกรรมเล่มนี้จะได้รับแง่คิดต่างๆ
ก่อเกิดทัศนคติที่กว้างขึ้น ทำให้มีความเข้าใจในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพต่อไป
ในการที่จะเผยแพร่เรื่องดังกล่าวให้อยู่ในรูปแบบ นิยายภาพนั้น
นอกจากจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นแล้ว
ยังเป็นการสร้างสะพานให้กลุ่มเหล่านั้นมีความต้องการที่จะอ่าน ต้นฉบับ
ที่อยู่ในรูปแบบ เรื่องสั้น เป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านในสังคมไทยได้อีกทาง
1.6
รายชื่อเอกสารอ้างอิง
1. บินหลา
สันกาลาคีรี. เจ้าหงิญ. พิมพ์ครั้งที่26. กรุงเทพมหานคร : อันพู, 2554.
2. อิงอร
สุพันธุ์วณิช. ปริทัศน์เรื่องสั้นไทย. กรุงเทพมหานคร : แอคทีฟ พริ้นท์, 2548.
เกี่ยวกับคำว่า “การ์ตูน”
ศาสตราจารย์ศิลป์พีระศรี
กล่าวถึงคำ “Cartoon”
ว่า “เมื่อจิตรกรต้องการวาดภาพขนาดใหญ่
เขาเริ่มต้นด้วยการวาดภาพบนกระดาษเป็นแบบร่างใหเท่าขนาดของจริงแล้วระบายสีเอกรงค์ (Monochrome)
ลักษณะของภาพร่างนี้เรียกว่า “Cartoon”
นอกจากนี้ยังเรียกภาพร่างของช่างทำกระจกสีสำหรับประดับตกแต่งตามช่องลม
ประตู และหน้าต่างโบสถ์ หรือภาพร่างของช่างถักทอพรมว่าภาพการ์ตูนเช่นกัน
ส่วนความหมายของคนไทยโดยทั่วไป
การ์ตูน คือภาพวาดที่รวมลักษณะดังกล่าวของ Cartoon, Comic, Illustration Tale และ Caricature ไว้ทั้งหมดโดยไม่แยกแยะลักษณะเด่นชัดลงไปเหมือนรากศัพท์เดิม กล่าวคือภาพเขียนลักษณะใดๆ
ก็ตามที่เป็นภาพวาดที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง เป็นภาพโย้เย้
หรือภาพเขียนที่เป็นนิยายภาพต่างๆ ทั้งที่เขียนเหมือนจริงและไม่เหมือนจริง
คนไทยรวมเรียกเป็นการ์ตุนทั้งสิ้น
และมักจะให้ค่าความรู้สึกเป็นเรื่องของเด็กๆ ซึ่งความจริงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่โดยตรงในฐานะเป็นผู้สร้างผู้ผลิตอันสามารถนำเสนอเนื้อหาที่เป็นสาระเป็นคุณประโยชน์ต่อผู้อ่าน
หรือนำเสนอยาพิษให้แก่ผู้อ่านอันเป็นการมอมเมาสติปัญญาให้เสื่อมทรามลงได้
ดังนั้นคำว่า
“การ์ตูน” (Cartoon)
อาจสรุปได้ความว่า หมายถึงภาพวาดในลักษณะง่ายๆ บิดเบี้ยวโย้เย้ในลักษณะไม่เหมือนภาพในโลกแห่งความเป็นจริง
ซึ่งมีรูปลักษณะที่เลียนแบบธรรมชาติ เรขาคณิต หรือรูปร่างอิสระ
ที่ลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสื่อความหมายแทนตัวหนังสือ เป็นผู้แสดงแทนคำพูดหรือแสดงออกต่างๆ
ทั้งเป็นภาพประกอบตกแต่งมุ่งให้เกิดความสวยงาม น่าขัน ล้อเลียน
เสียดสีในทางการเมือง สังคม และใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
ประกอบการเล่าเรื่องในทางบันเทิงคดี และสารคดี
การ์ตูนในฐานะต่างๆ
ในหนังสือ
คู่มือฝึกเขียนการ์ตูนด้วยตนเอง ของ ศักดิ์ชัย เกียรตินาคินทร์ (2538)
ได้แบ่งฐานะของการ์ตูนออกไว้ห้าระดับ คือ ในฐานะศิลปะลายเส้น ในฐานะงานวรรณกรรม
ในฐานะศิลปะการละคร การ์ตูนและภาพยนต์ และ ภาพยนตร์กับนิยายภาพ
ในที่นี้ผู้ทำโครงการวิจัยขอยกตัวอย่างเฉพาะหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ได้แก่
1.
ในฐานะงานวรรณกรรม (Literature) การ์ตูนเป็นสื่อประเภทหนึ่งในการเล่าเรื่องโดยมีเทคนิคการนำเสนอเรื่องที่มีขั้นตอน
ความคิดสร้างสรรค์ในเชิงศิลปะสูง
เปรียบได้กับงานวรรณกรรมที่ใช้ขั้นตอนการนำเสนอเรื่องด้วยตัวหนังสือ
เพียงแต่การ์ตูนนำเสนอด้วยภาพ
ดังนั้นจึงนับการ์ตูน โดยเฉพาะนิยายภาพเข้าอยู่ในประเภทวรรณกรรม
2.
ในฐานะศิลปะการละคร (Drama) การ์ตูนเป็นพัฒนาการสืบต่อจากศิลปะการละคร
เนื่องจากมีบทสนทนาโต้ตอบ มีการดิเนินเรื่อง ตัดต่อ และท่าทางการแสดง
เช่นเดียวกับการแสดงละครบนเวที
3.
การ์ตูนและภาพยนตร์ (Cartoon and Picture) นิยายภาพและการ์ตูนที่ได้รับความนิยมสูงมักจะนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์
และในขณะเดียวกันภาพยนตร์การ์ตูนหลายเรื่องถูกนำมาสร้างเป็นหนังสือการ์ตูน จึงเห็นได้ว่า
การ์ตูนและภาพยนตร์มีลักษณะงานที่สอดคล้องกัน
อีกทั้งการทำสคริฟภาพยนตร์ (Script) จำเป็นต้องมีสตอรี
บอร์ด (Story Board) ซึ่งเป้นภาพวาดในลักษณะการ์ตูน
เพื่อแสดงตำแหน่งมุมกล้อง การจัดแสงเงา การตัดต่อดำเนินเรื่อง
ก่อนที่จะลงมือถ่ายทำภาพยนตร์จริง
4.
ภาพยนตร์กับนิยายภาพ (Picture and Illustrated Tale) ภาพยนตร์กับนิยายภาพนับว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างมากที่สุด
ด้วยว่านิยายภาพมีลักษณะการนำเสนอภาพเหมือนภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง ตำแหน่งของตัวละคร
การทำภาพเคลื่อนไหวช้า (Slow-motion)
นิยายภาพสามารถถ่ายทอดได้ดีไม่แพ้ภาพยนตร์
เอกสารอ้างอิง
ศักดิชัย เกียรตินาคิทร์. คู่มือฝึกเขียนการ์ตูนด้วยตนเอง.
กรุงเทพมหานคร : คอมแพคท์พริ้นท์, 2538.
ผลการทำงาน
จากวัตถุประสงค์ในตอนต้นจนกระทั่งถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานจริง
ผู้ศึกษาพบว่าจำเป็นต้องมีการบูรณาการความรู้ที่ได้มาเพื่อสามารถทำงานภายในขอบเขตระยะเวลาที่จำกัด
และทำงานด้วยตัวผู้ศึกษาเพียงคนเดียว
ทั้งนั้นผู้ศึกษาได้พบว่า การออกแบบนิยายภาพ เป็นงานที่ต้องใช้เวลา
สิ้นเปลืองทรัพยาการ และต้องใช้ความอดทนและวินัยอย่างสูง
การทำงานวิจัยชิ้นนี้จึงต้องมีการลดทอนขั้นตอนของงานในระดับมืออาชีพ เพื่อเรียนรู้หลักการทำงานคร่าวๆเท่านั้น
เพื่อตอบวัตถุประสงค์
1.2.1
เพื่อศึกษาวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
หลังจากที่ผู้ศึกษาได้อ่านวรรณกรรมเรื่องดังกล่าวแล้ว
สิ่งที่ผู้ศึกษาคำนึงถึงก่อนคือตัวละครเด่นในเรื่อง
ซึ่งพบว่าหลักๆใช้ตัวละครเดินเรื่องเพียงสามตัว คือ พระราชา พระราชินี และ เจ้าหญิง โดยตัวละครสองตัวแรก คือ พระราชา
และพระราชินีซึ่งแยกกันอยู่ มีแรงจูงใจคือความกลัวที่จะไม่ได้อยู่กับลูกของตน จึงพยายามเอาอกเอาใจลูกของตนทุกวิถีทาง
ส่วนฝ่ายเจ้าหญิงก็มีความต้องการให้ทั้งหมดอยู่ร่วมกัน
ฝ่ายเจ้าหญิงนี่เองเป็นตัวสะท้อนว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้กลัวแค่เสียลูกเพียงอย่างเดียว...แต่เป็นความกลัวที่จะเสียความรักไป
“อีกครั้ง” ดังจะเห็นได้จากฉากที่พระราชารำพึงถึงพระราชินีในฉากที่เจ้าหญิงบอกว่า
ไม่ต้องการรุ้งอีกแล้ว(บินหลา
สันกาลาคีรี, 2554 : 67) ว่า “อือ สวยเหมือนกันนะลูก
พ่อยังจำได้เลย ตอนที่ได้พบกับแม่ของลูกครั้งแรก พ่อก้าวลงจากม้าขาว เราเกี่ยวก้อยเดินไป
บอกว่าจะไปให้สุดสาย....” ในถ้อยคำที่ว่า ‘จะไปให้สุดสาย’
บ่งบอกถึงความในใจลึกๆของคู่ที่หย่าร้างกัน
และบ่งบอกถึงความกลัวที่จะเสียความรักไปอีกครั้ง
เรื่องสั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สะท้อนปัญหาสังคมในเรื่องของการหย่าร้าง ไม่ใช่การสื่อในมุมมองของลูกผู้รับเคราะห์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังบอกถึงความรู้สึกของพ่อ-แม่
ที่หย่ากันด้วย
หนทางแก้ปัญหาอาจถูกคลี่คลายอยู่ในตอนจบของเรื่อง ซึ่งผู้เขียน
ได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อ่านในการคิดวิเคราะห์เอง
1.2.2
เพื่อศึกษาวิธีการออกแบบนิยายภาพ
การเขียนนิยายภาพ
มีขั้นตอนดังนี้
(1) ลงเส้นดินสอ (Penciling) ขั้นตอนนี้ไม่ใช่การร่าง
แต่เป็นการวาดจริงโดยมีการกำหนดเส้นและน้ำหนักที่ชัดเจนแล้ว ควรวารให้ลายละเอียด และ สะอาดที่สุด
นักเขียนนิยายภาพมักมีดินสอสองแบบไว้ใช้คือดินสอเนื้อแข็ง (ตระกูล H
ขึ้นไป) และดินสอเนื้ออ่อน (ตระกูล B ขึ้นไป)
โดยเนื้ออ่อนจะให้เส้นที่เข้มและดำกว่า แต่แบบเนื้อแข็งแม้จะอ่อนกว่า
แต่ก็สามารถยึดกระดาษได้ดีกว่า คือจะลบยากกว่า แบบอ่อน
นักเขียนจึงใช้สำหรับร่างภาพ ส่วนเส้นจริงจะใช้ดินสอไส้อ่อนเพราะลบแก้ไขได้ง่าย
(2) ลงหมึก (Inking) เส้นดินสอนั้นไม่ถูกใช้ในการพิมพ์
เพราะเครื่องสแกนของโรงพิมพ์หนังสือการ์ตูนจะรับเฉพาะน้ำหนักดำสุดเท่านั้น ขั้นตอนนี้รวมการตัดเส้นเข้าไปด้วย
และยังต้องกำหนดน้ำหนักดำสุดเพื่อกำหนดบรรยากาศของภาพอีกด้วย ในการลงหมึก
นักเขียนฝั่งตะวันตกแนะนำให้ใช้ พู่กันขนเซเบิ้ลเบอร์ 3 จะดีที่สุด
เพราะจะให้เส้นที่พริ้วไว้ได้อารมณ์และน้ำหนักในเส้น และยังใช้ลงหมึกในพื้นที่กว้างๆได้อีกด้วย ส่วนฝั่งตะวันออกนิยมใช้ปากกา “จีเพ็น”
ซึ่งพัฒนามาจากปากกาแบบคอแร้ง ที่สามารถกำหนดน้ำหนักเส้นได้จากแรงกด
พู่กันขนเซเบิ้ล เป็นพู่กันที่ดีที่สุดในการวาดการ์ตูน |
(3) ลงสี (Coloring) ลงสีแต่เดิมจะใช้ระบบการพิมพ์แบบ
4 สี หรือ หรือการสกรีน
ผู้ทำแม่พิมพ์สีจะต้องวาดขอบเขตของสีๆหนึ่งด้วยนำหนักดำจนได้แม่พิมพ์ 3
แม่พิมพ์ และทำการพิมพ์ไปบนงานหลายรอบเพื่อให้ได้สีตามต้องการ แต่ในปัจจุบันได้ลดขั้นตอนของคนวาดลงไป
เพราะสามารถลงสีด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถกำหนดน้ำหนักต่างๆ ได้อีกด้วย
(4) ใส่ข้อความ (Letering) ข้อความที่แสดงเนื้อเรื่องมีสองแบบคือข้อความอธิบายโดยผู้ประพันธ์ที่บรรยายเหตุการณ์ต่างๆ
เรียกว่า “Caption” และคำพูดของตัวละครจะถูกจัดอยู่ในบอลลูนคำพูดเรียกว่า
“Dialogue balloon”
1.2.3 เพื่อออกแบบนิยายภาพเรื่อง เจ้าหงิญ ตอน
สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ
วิธีการออกแบบนิยายภาพที่ผู้ศึกษาใช้
ปฏิบัติตามหลักของมืออาชีพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้จะมีการดัดแปลงรูปแบบการเขียนนิยายภาพ(Illustrated
Tale or Graphic Novel) ซึ่งปกติจะใช้การวาดลายเส้นแบบเหมือนจริง
เป็นการวาดแบบมังงะ (Manga) เพื่อประหยัดเวลา
แต่ก็ยังมีการใช้พู่กันในการวาดตามหลักการวาดแบบเดิมซึ่งใช้กันมา เพื่อศึกษาวิธีคิดและหนทางที่เป็นไปได้ต่อไป
การวาดภาพโดยการตีความจากบท |
สิ่งที่ผู้ศึกษาได้เพิ่มขั้นตอนนอกเหนือจากการศึกษาเข้ามาคือขั้นตอนการแปลงบท ซึ่งมีความจำเป็น
แต่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
โดยขั้นตอนนี้สามารถประหยัดเวลาในการร่างและการตีความเนื้อเรื่องไปได้เป็นอย่างมาก
จากนั้นมาถึงขั้นตอนการวาดด้วยดินสอ ผู้ศึกษาสามารถเขียนโน๊ตย่อไว้ในช่องที่จะวาด(Panel)
ได้เลยเพื่อให้ง่ายต่อการตีความเป็นรูปภาพ เมื่อวาดจนครบแล้ว นำมาสแกนลงในคอมพิวเตอร์
เพื่อลงสีและใส่ข้อความต่างๆ ขั้นตอนนี้สามารถทำไปได้พร้อมๆกัน คือ ลงรูปและข้อความด้วยโปรแกรม
Adobe Indesign และในขณะเดียวกันก็แยกไปทำงานด้านลงสี เมื่อลงสีเสร็จสิ้น โปรแกรม Adobe Indesign สามารถ อัปเดตลิงก์จากภาพต้นฉบับเดิมเป็นภาพที่ลงสีสำเร็จได้
ต้นฉบับลงหมึก |
งานสำเร็จ |